หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กิจกรรม 10-14 มกราคม 2554


ตอบ 1
อลูมิเนียม
กระป๋องอะลูมิเนียมทุกใบสามารถส่งคืนกลับโรงงาน
เพื่อไปผลิตเป็นกระป๋องใหม่ได้
โดยไม่มีขีดจำกัดจำนวนครั้งของการผลิต เมื่อกระป๋องอะลูมิเนียมถูกส่งเข้าโรงงานแล้ว
จะถูกบดให้เป็นชิ้นเล็กๆ แล้วหลอมให้เป็นแท่งแข็ง จากนั้นอะลูมิเนียมแท่งจะถูกนำไปรีด
ให้เป็นแผ่นแบนบางเพื่อส่งต่อไปยังโรงงานผลิตกระป๋อง เพื่อผลิตเป็นกระป๋องอะลูมิเนียมใหม่
การ Recycle กระป๋องอลูมิเนียม
จะทำให้ประหยัดพลังงานความร้อนได้ถึง 20 เท่า และช่วยลดมลพิษทางอากาศได้ถึง ร้อยละ 95
ของการผลิตกระป๋องใหม่โดยใช้อะลูมิเนียมจากธรรมชาติ การผลิตกระป๋องแคนใหม่ 1 ใบ จะต้องใช้น้ำมันถึงครึ่งกระป๋อง
หรือการใช้พลังงานเท่ากับการเปิดโทรทัศน์ดูถึง 17 ชั่วโมง
ซึ่งถ้านำไป Recycle จะได้กระป๋อง Recycle 20 ใบ
โดยกระป๋องแคน Recycle จะใช้พลังงานเพียง 5% ของพลังงานที่ผลิตกระป๋องใหม่จากแร่บอกไซด์
และประหยัดพลังงานลงได้เท่ากับการเปิดโทรทัศน์ดู 3 ชม. เท่านั้น
กระดาษ
ในการย่อยสลายกระดาษบางชนิดย่อยสลายได้ยากมาก
เนื่องจากมีวัสดุอื่นๆ เคลือบหรือปะปนมาก
เช่น ถ้วยกระดาษเคลือบ กระดาษห่อของขวัญที่เคลือบมันหรือปนฟอยล์ กล่องนมที่มีชั้นของพลาสติก
และฟอยล์ที่ต้องใช่เวลากว่า 10 ปี ในการย่อยสลาย และไม่สามารถนำเข้าสู่กระบวนการ Recycleได้้
เพราะมีปริมาณพลาสติกหรือฟอยล์ปนอยู่มาก กระดาษเหล่านี้จึงกลายเป็นภาระของสิ่งแวดล้อมต่อไป กระดาษที่ติดกาวหรืออาบมันก็ไม่สามารถ Recycle ได้ เนื่องจากความร้อนจะทำให้สารเคลือบกระดาษละลาย แล้วไปอุดตันเครื่องจักรทำให้เกิดความเสียหาย
ในการผลิตกระดาษ 1 ตัน ใช้ต้นไม้ 17 ต้น
ใช้น้ำมัน 31,500 ลิตร
ใช้กระแสไฟฟ้า 4,100 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
และใช้น้ำ 3,000,000 ลิตร
แต่ถ้าเราหันกลับมาใช้กระดาษ Recycle
เราจะใช้น้ำน้อยกว่า 100,000 ลิตร
ใช้พลังงานเพียง 50%
โดยไม่ต้องใช้ต้นไม้ใหม่เลย
เราสามารถนำกระดาษมา Recycle ใหม่ได้ 2-3 ครั้ง โดยคุณภาพไม่เปลี่ยนเมื่อ Recycle ใหม่
เยื่อกระดาษจะสั้นลงเรื่อยๆ
จนถูกแยกออกไปเองในกระบวนการผลิต
ขณะเดียวกันก็เติมเยื่อใหม่ลงไปด้วย
กระดาษ Recycle จึงยังคงความแข็งแรงอยู่ได้
กระดาษกล่องเคลือบที่ใช้ทำกล่องผงซักฟอก ยาสีฟัน ฯลฯ
ใช้เยื่อกระดาษ Recycle 70%
สำหรับทำกระดาษชั้นในที่มีสีน้ำตาล
เพราะด้านในกล่องไม่เน้นความสวยงาม แต่ชั้นนอกสุดที่ต้องพิมพ์สีนั้นใช้กระดาษใหม่ 100% กระดาษเก่าที่นำมาใช้นั้นก็เป็นกระดาษกล่องเก่า
หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ก็ได้
กระดาษสำนักงาน
หรือกระดาษปอนด์ขาวที่มาจากเยื่อใหม่
ปัจจุบันได้มีการนำไป Recycle
โดยนำไปผ่านกระบวนการกำจัดหมึก
และฟอกขาวให้สะอาด
ออกมาเป็นกระดาษทิชชูเนื้อหยาบ
หรือทิชชูที่มีสีชมพูนั่นเอง
แก้ว
โดยปกติแล้ว ทางโรงงานอุตสาหกรรมเศษแก้ว ต้องการเศษแก้วเก่ามาหลอมผสมกับแก้วใหม่อยู่แล้ว โดยใช้เศษแก้วเก่าในอัตรา 30-40%
เพราะนอกจากจะลดต้นทุนการผลิตแล้ว
ยังช่วยให้น้ำแก้วหลอมเหลวดีขึ้น
ใช้อุณหภูมิต่ำลง ทำให้เตาสึกหรอน้อยลงด้วย เป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของเตาหลอมด้วย
นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตแล้ว
การใช้เศษแก้วเพิ่มขึ้น 10%
จะช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 1%
โดยที่คุณภาพของแก้ว Recycle ยังคงทนต่อการกระแทกและใช้งานได้ดีเหมือนเดิมทุกประการ
พลาสติก
พลาสติกประเภทที่นิยมนำมารีไซเคิลอย่างแพร่หลาย
คือ โพลิโพรพิลีน (Polypropylene)
โพลิสไตรีน (Polystyene)
โพลิเอทิลีน (Polyethlene)(PET)
ไนลอน (Nylon) และ
พีวีซี (Polyvinylchloride)

คุณสมบัติและประเภท ลอยน้ำ การติดไฟ ลักษณะของเปลวไฟ กลิ่น
Polypropylene (PP) ลอย ติดไฟง่าย เปลวสีน้ำเงิน เหมือนขี้ผึ้งพาราฟรีน
Polystyrene (PS) ลอย ติดไฟง่าย เปลวเหลืองมีควันมาก กลิ่นหอมดอกไม้
Polyethlene (PET) ลอย ติดไฟง่าย เปลวสีน้ำเงินมีสีเหลือง ตอนปลาย กลิ่นเหมือนขี้ผึ้งพาราฟรีน
Nylon ลอย ง่ายปานกลาง สีน้ำเงินมีสีเหลืองตอนปลาย กลิ่นเหมือนผมไหม้
PVC จม ไม่ติดไฟ เปลวเหมือนมีควัน มีรสเปรี้ยว
ข้อควรรู้เกี่ยวกับพลาสติก
- การ Recycle พลาสติกนั้นค่อนข้างยุ่งมากกว่าขยะชนิดอื่นๆ
เพราะพลาสติกมีมากมายหลายชนิด
แต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะตัว
ซึ่งไม่สามารถนำมาหลอมรวมกันได้
- ภาชนะพลาสติก ต้องมาแยกเกรด แยกสี
บางชนิดติดโลหะมาก็ต้องแกะออก
ตัดอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ติดมากับฝาขวดออก
ดึงฉลากข้างขวดออก
การแยกชนิดมีวิธีการหลายอย่างมาก
ต้องอาศัยความชำนาญ
บางครั้งก็ใช้วิธีฟังเสียง
เอาไปลอยน้ำ
บางอย่างก็ใช้วิธีเผาแล้วดมกลิ่นเอา
- ขวดเป๊ปซี่ (ขวดลิตร) ใช้ได้เฉพาะส่วนก้นต้องแกะออก และรับซื้อส่วนก้นเป็นพลาสติกอีกชนิดหนึ่งได้
- ขวดพลาสติกพวก HDPE (high-density polyethylene)
ที่ใช้ใส่น้ำดื่ม น้ำยา ทำความสะอาด โลชั่น แชมพู ฯลฯ
มีลักษณะนุ่ม สามารถนำมา Recycle
เป็นแกลลอนน้ำมันสีดำ ถังปูน บุ้งกี๋ ถุงขยะ (ถุงดำ)
- ขวด PVC ซึ่งใช้ใส่น้ำมันพืชบางยี่ห้อ
มีลักษณะใส สามารถนำมา Recycle
ทำเป็นข้อต่อ PVC ทุ่นลูกลอยจับปลา
ส้นรองเท้าสุภาพสตรี ฯลฯ ได้
- แก้วน้ำพลาสติก หรือถ้วยไอศกรีม
ซึ่งเป็นพลาสติกโพลิสไตลีน (PS)
สามารถนำมา Recycle
เป็นตลับเทปสีดำ วีดีโอเทป กระถางต้นไม้
- พลาสติกบางประเภทที่ผสมสารไฟเบอร์ รับซื้อราคาถูกเพราะเวลาเอาไปผลิตใช้ใหม่
ต้องใช้ความร้อนสูงในการหลอม
ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง
ไม่เหมือนพลาสติกธรรมดาที่ไม่ได้ผสมสารอะไร ซึ่งใช้ความร้อนไม่มากในการหลอม
- กันชนรถยนต์เป็นไฟเบอร์กลาส ไม่รับซื้อ
- จุกน้ำปลาที่ติดมากับขวดน้ำปลา เมื่อรับซื้อขวดมาแล้วแยกจุกน้ำปลาออกจากขวด
เพื่อขายเป็นพลาสติกจุกน้ำปลา
- ขวดบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ฝาจุกขวดและขวดเป็นพลาสติก เนื้อพลาสติกต่างชนิดกัน
ต้องแยกจุกและขวดออกจากกันก่อนส่งโรงงาน
- ขวดยาคูลท์ ของเล่นเด็กพลาสติกทุกชนิด ฝาเปิดกล่องบรรจุอาหารยี่ห้อทัปเปอร์แวร์มีจำนวนมาก ขายได้
- ท่อเอสล่อน PVC
สีฟ้า สีเหลือง สีเทา รับซื้อ
แต่สีดำและไหม้ไฟไม่รับซื้อ
- สินค้าพลาสติกทุกเนื้อ
ถ้ามีรอยไหม้ไฟไม่รับซื้อ
- หลอดโฟมล้างหน้าทุกชนิด
ถาดรองพลาสติกทุกชนิด Recycle ได้
แต่ไม่นิยมมา Recycle
- ขวดยาสระผมซัลซิล ขวดครีมนวดนีเวีย
ขวดน้ำยาบ้วนปากลีสเตอรีน รับซื้อแต่ราคาถูก และสามารถนำจุกไปขายเป็นพลาสติกอีกชนิดหนึ่งได้

ที่มา: http://ssrecycle.multiply.com/journal/item/4


ตอบ 4

การเปลี่ยนแปลงของสารในปฏิกิริยาใดๆ ต้องมีการกำหนดขอบเขตการศึกษา ซึ่งมีองค์ประกอบที่สำคัญอยู่ 2 ส่วนคือ ส่วนที่อยู่ภายในขอบเขตของการศึกษาซึ่งรวมทั้งก่อนการเปลี่ยนแปลงและหลังการเปลี่ยนแปลงเรียกว่า ระบบ กับส่วนที่อยู่นอกขอบเขตที่ศึกษา เช่นภาชนะ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือวัดต่างๆเรียกว่า สิ่งแวดล้อม เช่น การทำน้ำให้เป็นน้ำแข็ง ระบบก่อนการเปลี่ยนแปลงคือน้ำ และระบบหลังการเปลี่ยนแปลงคือน้ำแข็ง ส่วนสิ่งแวดล้อมก็คือภาชนะ ระบบมีอยู่ 2 ระบบดังนี้
1. ระบบปิด คือ ระบบที่ไม่มีการถ่ายเทมวลของสารระหว่างระบบกับสิ่งแวดล้อม
2. ระบบเปิด คือ ระบบที่มีการถ่ายเทมวลของสารระหว่างระบบกับสิ่งแวดล้อม
การศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสารจำเป็นต้องระบุสมบัติต่างๆ ของระบบ เช่น มวล อุณหภูมิ ปริมาตร ความดัน ถ้าตรวจสอบได้ว่าสมบัติใดของระบบมีการเปลี่ยนแปลงก็ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในระบบ สมบัติของสารและปัจจัยที่มีผลต่อสมบัติของระบบเรียกว่า ภาวะของระบบ
ในปี พ.ศ. 2317 อองตวน-โลรอง ลาวัวซิเอ ได้ทดลองเผาสารในหลอดที่ปิดสนิทพบว่า มวลรวมของสารก่อนเกิดปฏิกิริยา เท่ากับมวลรวมของสารหลังทำปฏิกิริยา จึงตั้งเป็นกฎเรียกว่า กฎทรงมวล
โจเชฟ เพราสต์ ได้ศึกษาการเตรียมสารประกอบบางชนิด พบว่าสารประกอบชนิดหนึ่งที่เตรียมด้วยวิธีการที่แตกต่างกันมีอัตราส่วนโดยมวลของธาตุที่รวมกันเป็นสารประกอบหนึ่ง ๆ จะมีค่าคงที่ จึงตั้งเป็นกฎเรียกว่า กฎสัดส่วนคงที่ ตัวอย่างเช่น สารประกอบคอปเปอร์(II)ซัลไฟด์ ( CuS ) ที่เกิดจากการรวมตัวของทองแดงและกำมะถันจะมีอัตราส่วนโดยมวลเท่ากับ 2:1 เสมอ
http://www.school.net.th/library/snet5/topic7/mass.html

ตอบ 3
ปกติแล้ว อะตอมเป็นกลางทางไฟฟ้า เนื่องจากมีจำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอน (บวกเท่ากับลบนั่นเอง) แต่ถ้าจำนวนของอิเล็กตรอนในอะตอมเปลี่ยนแปลง อะตอมนั้นจะเปลี่ยนเป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าบวกหรือลบ เรียกว่า ไอออน (ion)
ไอออนแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ไอออนบวก (Cation) และไอออนลบ (Anion) ซึ่งอะตอมของแต่ละธาตุจะเปลี่ยนเป็นไอออนบวกหรือลบได้นั้น จะเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้
1. อะตอมของโลหะมักจะเสียอิเล็กตรอนแล้วเปลี่ยนเป็นไอออนบวก โดยจะมีประจุเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอนที่เสียไป เช่น
Na + มีประจุบวก 1 แสดงว่า อะตอมของ Na สูญเสียอิเล็กตรอนไป 1 ตัว
Mg 2+ มีประจุบวก 2 แสดงว่า อะตอมของ Mg สูญเสียอิเล็กตรอนไป 2 ตัว
Al 3+ มีประจุบวก 3 แสดงว่า อะตอมของ Al สูญเสียอิเล็กตรอนไป 3 ตัว
. อะตอมของอโลหะมักจะรับอิเล็กตรอนแล้วเปลี่ยนเป็นไอออนลบ โดยจะมีประจุเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอนที่รับมา เช่น
Cl - มีประจุลบ 1 แสดงว่า อะตอมของ Cl รับอิเล็กตรอนมา 1 ตัว
O 2- มีประจุลบ 2 แสดงว่า อะตอมของ O รับอิเล็กตรอนมา 2 ตัว
N 3- มีประจุลบ 3 แสดงว่า อะตอมของ N รับอิเล็กตรอนมา 3 ตัว
http://nakhamwit.ac.th/pingpong_web/m&c_web/Content_08.html
ตอบ 1
ไอโซโทป (อังกฤษ: isotope) คืออะตอมต่าง ๆ ของธาตุชนิดเดียวกัน ที่มีจำนวนโปรตอนหรือเลขอะตอมเท่ากัน แต่มีจำนวนนิวตรอนต่างกัน ส่งผลให้เลขมวลต่างกันด้วย และเรียกเป็นไอโซโทปของธาตุนั้น ๆ. ไอโซโทปของธาตุต่าง ๆ จะมีสมบัติทางเคมีฟิสิกส์เหมือนกัน ยกเว้นสมบัติทางนิวเคลียร์ที่เกี่ยวกับมวลอะตอม เช่น ยูเรเนียม มี 2 ไอโซโทป คือ ยูเรเนียม-235 เป็นไอโซโทปที่แผ่รังสี และยูเรเนียม-238 เป็นไอโซโทปที่ไม่แผ่รังสี
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%9B

ตอบ 4
ปฏิกิริยาของธาตุ
ปฏิกิริยาของธาตุหมู่ VIIA
ธาตุหมู่ VIIA หรือที่เรียกว่า ธาตุแฮโลเจน (Halogen) มีทั้งหมด 5ธาตุ เรียงลำดับจากบนลงล่าง ดังนี้ F, Cl, Br, I, At มีสมบัติของธาตุที่ควรทราบ คือ
1. มีทั้ง 3 สถานะ คือ F เป็นก๊าซสีเหลือง Cl เป็นก๊าซสีเหลืองแกมเขียว Br เป็นของเหลวสีน้ำตาลแดง I เป็นของแข็งสีม่วงดำ เมื่อเป็นไอมีสีม่วง และ At เป็นของแข็ง แต่ไม่มีในธรรมชาติ เป็นกัมมันตรังสีที่สังเคราะห์ขึ้น สีของแฮโลเจนจะเข้มขึ้นจากบนลงล่าง
2. ธาตุแฮโลเจนเป็นพิษทุกชนิด F มีพิษมากที่สุด
3. โมเลกุลประกอบด้วย 2 อะตอม คือ F2 Cl2 Br2 I2
4. เป็นอโลหะ ไม่นำไฟฟ้า
5. มีจุดหลอมเหลว จุดเดือดต่ำ (ทำลายแรงลอนดอนประเภทแรงแวนเดอร์วาลส์)
6. มีค่าพลังงานไอออไนเซชันค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตี ( EN ) และสัมพรรคภาพอิเล็กตรอนสูง และเมื่อเปรียบเทียบกับธาตุอื่นในคาบเดียวกันจะมีค่าสูงที่สุด
7. ละลายน้ำได้น้อย ( At ไม่ละลายน้ำ ) F เมื่อละลายน้ำจะทำปฏิกิริยากับน้ำ ได้ O2
8. ละลายได้ดีในตัวทำละลายอินทรีย์ที่ไม่มีขั้ว เช่น CS2 CCl4 ในตัวทำละลายเหล่านี้ I จะมีสีม่วง สารละลายของ Br มีสีส้ม และสารละลายของ Cl ไม่มีสี แต่ถ้าละลายในเอทานอล จะได้สารละลายสีน้ำตาล (โดยเฉพาะ I )
9. มีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า เพราะมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนมาก จึงรวมตัวกับธาตุอื่นได้หลายอัตราส่วน
10. ความว่องไวในการทำปฏิกิริยาลดลงจากบนลงล่างในหมู่เดียวกัน F มีความว่องไวมากที่สุด
11. I ทำปฏิกิริยากับน้ำแป้งได้สารละลายสีน้ำเงินเข้ม เกิดจากโมเลกุลของ I ถูกดูดซับเข้าไปในโครงสร้างของแป้ง ( ในห่วงโซ่ของกลูโคส )
12. ธาตุแฮโลเจนตัวบนสามารถทำปฏิกิริยากับไอออนของแฮโลเจนตัวล่างในสารประกอบแฮไลด์ได้ โดย F2 สามารถทำปฏิกิริยากับ Cl- Br- I- ได้ ส่วน Cl2 สามรถทำปฏิกิริยากับ Br- I- ได้ และ Br2 สามารถทำปฏิกิริยากับ I- ได้
13. F สามารถทำปฏิกิริยากับ H แล้วเกิดระเบิดได้ในที่มืด Cl สามารถเกิดปฏิกิริยาได้ในที่มีแสงสว่าง Br ทำปฏิกิริยากับ H ได้เมื่อมี Pt ช่วยเร่งปฏิกิริยาที่ 200°C และปฏิกิริยาระหว่าง I กับ H เป็นปฏิกิริยาที่ผันกลับได้
สารประกอบของธาตุหมู่ VIIA เนื่องจากธาตุหมู่ VIIA เป็นธาตุที่รับอิเล็กตรอนได้ง่าย จึงสามรถรวมตัวกับโลหะหรืออโลหะเกิดเป็นสารประกอบมากมายหลายชนิด
สมบัติบางประการของสารประกอบของธาตุหมู่ VIIA
1. สามารถเกิดได้ทั้งสารประกอบไอออนิกและสารประกอบโคเวเลนต์ คือ ถ้ารวมตัวกับโลหะจะเกิดเป็นสารประกอบไอออนิก แต่ถ้ารวมตัวกับอโลหะก็จะเกิดเป็นสารประกอบโคเวเลนต์
2. เกิดเป็นสารประกอบที่มีเลขออกซิเดชันได้หลายค่า เช่น ในสารประกอบ KClO , KClO2 , KClO3 , KClO4 นั้น Cl มีเลขออกซิเดชันเท่ากับ +1 ,+3 ,+5 ,+7 ตามลำดับ
3. สารประกอบออกไซด์และซัลไฟต์ เมื่อละลายจะมีสมบัติเป็นกรด
ประโยชน์ของธาตุหมู่ VIIA
1. F2 ใช้เตรียมสารประกอบฟลูออโรคาร์บอน เช่น ฟรีออน ได้แก่ ฟรีออน-12 ( CCl2F ) ฟรีออน-21 ( CHCl2F ) ฟรีออน-142 ( CH3CClF2 ) ซึ่งมีความสำคัญและใช้มากในเครื่องทำความเย็น F2CCF2 ( เทฟลอน ) เป็นพลาสติกที่มีความเสถียร ทนความร้อน ผิวลื่น นิยมใช้เคลือบภาชนะต่าง ๆ นอกจากนั้นสารประกอบของฟลูออรีนในรูปของฟลูออไรด์ ใช้ผสมในน้ำดื่มและยาสีฟัน เพื่อป้องกันฟันผุ
2. Cl2 ใช้ประโยชน์ในการเตรียมสารประกอบต่าง ๆ เช่น น้ำยาซักแห้ง พลาสติกพีวีซี ( โพลีไวนิลคลอไรด์, (-H2CCHCl-)n ผงฟอกขาว DDT ผงชูรส เป็นต้น ใช้ฆ่าเชื้อโรคในน้ำประปา และสารประกอบของคลอรีน เช่น CCl4 ใช้เป็นตัวทำละลาย
ตอบ 3


ตอบ 1

1. อะตอมของโลหะมักจะเสียอิเล็กตรอนแล้วเปลี่ยนเป็นไอออนบวก โดยจะมีประจุเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอนที่เสียไป เช่น
Na + มีประจุบวก 1 แสดงว่า อะตอมของ Na สูญเสียอิเล็กตรอนไป 1 ตัว
Mg 2+ มีประจุบวก 2 แสดงว่า อะตอมของ Mg สูญเสียอิเล็กตรอนไป 2 ตัว
Al 3+ มีประจุบวก 3 แสดงว่า อะตอมของ Al สูญเสียอิเล็กตรอนไป 3 ตัว
. อะตอมของอโลหะมักจะรับอิเล็กตรอนแล้วเปลี่ยนเป็นไอออนลบ โดยจะมีประจุเท่ากับจำนวนอิเล็กตรอนที่รับมา เช่น
Cl - มีประจุลบ 1 แสดงว่า อะตอมของ Cl รับอิเล็กตรอนมา 1 ตัว
O 2- มีประจุลบ 2 แสดงว่า อะตอมของ O รับอิเล็กตรอนมา 2 ตัว
N 3- มีประจุลบ 3 แสดงว่า อะตอมของ N รับอิเล็กตรอนมา 3 ตัว
http://nakhamwit.ac.th/pingpong_web/m&c_web/Content_08.html
ตอบ 1
ปริมาณสารสัมพันธ์

ปริมาณสารสัมพันธ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลหรือน้ำหนักของธาตุต่าง ๆ ของสารประกอบในปฏิกิริยาเคมี ปริมาณสารสัมพันธ์มีประโยชน์ในแง่ของการคาดคะเนปริมาณของสารที่ต้องใช้เป็น สารตั้งต้นเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ

ระบบเปิดระบบปิด
ระบบ ( System) หมายถึง สิ่งซึ่งอยู่ในขอบเขตที่ศึกษา
ระบบเปิด (Open System) หมายถึง ระบบที่มีการถ่ายเทมวลของสารระหว่างระบบกับสิ่งแวดล้อมหรือระบบ ซึ่งมวลและพลังงานของสารก่อนการเปลี่ยนแปลงและหลังการเปลี่ยนแปลงมีค่าไม่คง ที่ เช่น
ระบบปิด ( Closed System) หมายถึงระบบที่ไม่มีการถ่ายเทมวลสารกับสิ่งแวดล้อมหรือระบบ ซึ่งมวลของสารก่อนการเปลี่ยนแปลง และหลังการเปลี่ยนแปลงคงที่ แต่พลังงานของสารก่อนการเปลี่ยนแปลงและหลังการเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ เช่น

กฎต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง
1. กฎทรงมวล
อองตวน โลรอง ลาวัวซิเอ ได้ตั้งกฎทรงมวลซึ่งสรุปได้ว่า “มวลของสารทั้งหมดก่อนทำปฏิกิริยาย่อมเท่ากับมวลของสารทั้งหมดหลังทำ ปฏิกิริยา” กฎนี้จะใช้ได้กับปฏิกิริยาเคมีในระบบปิด ใช้ไม่ได้กับปฏิกิริยาเคมีนิวเคลียร์ เช่น เทียนไขในภาชนะปิดใบหนึ่ง มวลของสารทั้งหมดก่อนทำปฏิกิริยาเท่ากับมวลของเทียนไขกับภาชนะ เมื่อจุดเทียนไขในภาชนะปิดนี้ แล้วทำการชั่งมวลใหม่ มวลจะเท่าเดิม (ระบบปิด)
2. กฎสัดส่วนคงที่
โจเซฟ เพราสต์ ได้ตั้งกฎสัดส่วนคงที่ซึ่งสรุปได้ว่า “ในสารประกอบหนึ่ง ๆ ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบรวมตัวกันด้วยอัตราส่วนโดยน้ำหนักที่คงที่เสมอ” โดยไม่คำนึงถึงว่าสารประกอบนั้นจะมีกำเนิดหรือเตรียมได้โดยวิธีใด

มวลอะตอม
อะตอมเป็นอนุภาคที่เล็ก ที่สุดของธาตุที่สามารถทำปฏิกิริยาเคมีได้ มีรัศมีของอะตอมยาวประมาณ 10 -10 เมตร อะตอมที่เบาที่สุดมีมวลประมาณ 1.6 x 10 -24 กรัม อะตอมที่หนักที่สุดมีมวลประมาณ 250 เท่า ซึ่งมีค่าน้อยมาก (เป็นผลคูณของ 10 -24) มวลอะตอมเหล่านี้จะต้องรวมกันต่อไปเป็นมวลโมเลกุล ซึ่งทำให้ยุ่งยากในการคำนวณ จึงนิยมใช้มวลเปรียบเทียบที่เรียกว่า มวลอะตอมหรือน้ำหนักอะตอม
มวลของอะตอมนั้นก็คือ มวลขององค์ประกอบทั้งหมดในอะตอมรวมกัน อันได้แก่ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ซึ่งมวลของโปรตอน และนิวตรอนนั้นใกล้เคียงกันมาก แต่ไม่เท่ากัน และสูงกว่าอิเล็กตรอน นับพันเท่า

http://nakhamwit.ac.th/pingpong_web/qualt_chem.htm
ตอบ 4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น